การสร้างรายได้ของโรงแรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องที่ขายได้เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ราคาห้องพัก (Room Rate) ที่ขายได้ในแต่ละวัน หากโรงแรมยังคงใช้ “ราคาคงที่” ตลอดทั้งปี จะทำให้พลาดโอกาสสำคัญในการเพิ่มรายได้สูงสุด
ปัญหาของการตั้งราคาห้องแบบคงที่
โรงแรมจำนวนมากยังใช้วิธีตั้งราคาห้อง เช่น 2,000 บาทต่อคืนตลอดทั้งปี ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ:
- ช่วงโลว์ซีซัน (Low Season): ราคาสูงเกินไป ลูกค้าไม่จอง ห้องพักจึงว่างเปล่า
- ช่วงไฮซีซัน (High Season): ห้องพักเต็มเร็ว แต่ขายราคาถูกเกินไป ทำให้เสียโอกาสสร้างรายได้สูงสุด
นั่นหมายความว่าโรงแรมสูญเสียทั้ง Occupancy และ Revenue per Available Room (RevPAR) ไปพร้อม ๆ กัน
Dynamic Pricing คืออะไร?
Dynamic Pricing คือการปรับราคาห้องพักให้ยืดหยุ่นตาม Demand และ Supply ในแต่ละช่วงเวลา ตัวอย่างเช่น:
- วันธรรมดาที่มีลูกค้าน้อย → ปรับราคาลงเพื่อดึงดูดแขก
- วันหยุดยาวหรือเทศกาล → ปรับราคาสูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์
ด้วยวิธีนี้ โรงแรมจะสามารถ:
- เพิ่มจำนวนลูกค้าเข้าพักในช่วงที่ความต้องการต่ำ
- สร้างรายได้สูงสุดในช่วงที่มีความต้องการสูง
- ทำให้ RevPAR และ กำไรโดยรวม สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทำไม Dynamic Pricing จึงสำคัญสำหรับธุรกิจโรงแรม
ตลาดท่องเที่ยวมีความผันผวนสูง การแข่งขันรุนแรง และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การมี กลยุทธ์ Dynamic Pricing ที่มีข้อมูลสนับสนุน เช่น การวิเคราะห์ Occupancy, ADR, RevPAR และพฤติกรรมการจอง จะช่วยให้โรงแรมบริหารรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่ Cubic Management เราช่วยโรงแรมวางกลยุทธ์ Dynamic Pricing ที่เหมาะสมกับแต่ละทำเล แต่ละกลุ่มเป้าหมาย และฤดูกาล เพื่อให้โรงแรมของคุณไม่เพียงแค่ขายห้องได้เต็ม แต่ยังขายได้ในราคาที่สร้างผลกำไรสูงสุด
👉 หากคุณต้องการปรับกลยุทธ์รายได้โรงแรม และนำ Dynamic Pricing มาช่วยเพิ่มกำไร ติดต่อทีม Cubic Management เพื่อรับคำปรึกษาเชิงลึกได้เลย
Dynamic Pricing โรงแรม, การตั้งราคาห้องพัก, RevPAR, การบริหารรายได้โรงแรม