Hotel Marketing

รายได้โรงแรมไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงจำนวนห้องที่ขายได้ แต่ขึ้นกับคุณภาพของการขายด้วย การบริหารโรงแรมยุคใหม่ต้องดูตัวเลขสำคัญอย่าง Occupancy Rate (อัตราการเข้าพัก), ADR – Average Daily Rate (ราคาขายเฉลี่ยต่อห้อง) และ RevPAR – Revenue per Available Room (รายได้ต่อห้องที่มีอยู่) […]

ปัจจุบันแขกสามารถจองโรงแรมได้หลายช่องทาง ทั้งผ่าน OTA (Online Travel Agency) เช่น Agoda, Booking, Expedia หรือ จองตรงกับโรงแรม (Direct Booking) ผ่านเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของโรงแรม ทำให้เกิดคำถามสำคัญสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมว่า ควรโฟกัสที่ช่องทางไหนถึงจะดีที่สุด? ปัญหาของการพึ่งพาช่องทางเดียว วิธีแก้: สร้างสมดุลระหว่าง

ธุรกิจโรงแรมในปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พฤติกรรมของลูกค้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แขกที่เข้าพักไม่ได้ต้องการเพียงห้องพักสะอาดและสะดวกสบาย แต่พวกเขามองหาประสบการณ์ที่ แตกต่าง คุ้มค่า และยั่งยืน นี่คือเหตุผลที่โรงแรมต้องตามให้ทัน Hospitality Trends ปัญหาที่โรงแรมเผชิญ หากไม่ตามเทรนด์ หลายโรงแรมยังคงใช้วิธีคิดแบบเดิม ๆ เน้นขายห้องพักอย่างเดียวโดยไม่อัปเดตแนวโน้มใหม่ ๆ ผลที่เกิดขึ้นคือ: สรุปง่าย ๆ คือ

การสร้างรายได้ของโรงแรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องที่ขายได้เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ราคาห้องพัก (Room Rate) ที่ขายได้ในแต่ละวัน หากโรงแรมยังคงใช้ “ราคาคงที่” ตลอดทั้งปี จะทำให้พลาดโอกาสสำคัญในการเพิ่มรายได้สูงสุด ปัญหาของการตั้งราคาห้องแบบคงที่ โรงแรมจำนวนมากยังใช้วิธีตั้งราคาห้อง เช่น 2,000 บาทต่อคืนตลอดทั้งปี ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ: นั่นหมายความว่าโรงแรมสูญเสียทั้ง Occupancy และ Revenue

การศึกษาความเป็นไปได้โรงแรม (Hotel Feasibility Study) คือการวิเคราะห์แบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นจนจบ ได้แก่ สรุป การลงทุนโรงแรมโดยไม่มี Feasibility Study ก็เหมือนการขับรถโดยไม่มีแผนที่ คุณอาจไปถึงจุดหมาย แต่ก็มีโอกาสหลงทางและสูญเสียเงินลงทุนมหาศาล Cubic Management มีประสบการณ์ตรงในการทำ Hotel Feasibility Study